12

ท่านอาจารย์แขก รือเสาะ ได้เล่าถึงความเป็นมาของเบี้ยคชลักษมี “เมื่อกลางปี ที่แล้ว อาจารย์ได้ทำเบี้ยออกมาหลายชนิดด้วยกัน คือ เบี้ยคู่ชีวิต เบี้ยแก้ เบี้ยกัน แต่จริงๆ แล้วที่เป็นสุดยอด คือ เบี้ยคชลักษมี ซึ่งเป็นเบี้ยที่ทำยากมาก หอยเบี้ยเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ เป็นตัวแทนของเจ้าแม่คชลักษมี ท่านเป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ พระแม่คชลักษมีเกิดมาตอนกวนเกษียรสมุทร (เทวดากับอสูรทำการกวนเกษียรสมุทร เพื่อทำของวิเศษและน้ำอมฤต) ราหูแอบไปกินน้ำอมฤตจึงเป็นอมตะใครฆ่าไม่ตาย และที่เกิดขึ้นมาจากการกวนเกษียรสมุทรครั้งนั้น คือ พระแม่ลักษมี ท่านเป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งเป็นของมีค่าและมีความเป็นมงคล 
 

    การสร้างวัตถุมงคลของอาจารย์แขกจะยึดของเดิม อย่างกับการทำเบี้ยวา เหรียญหล่อต้องหนา ปัจจุบันพัฒนามาเป็นจิวเว่อรี่หล่อให้บาง ชนวนมวลสารของบูรพาจารย์โบราณ พยายามให้เข้ากับวิวัฒนาการสมัยใหม่ เบี้ยวาของอาจารย์แขกเป็นเหรียญหล่อ บาง สวย ที่สำคัญคือชวนมวลสารเหมือนพระโบราณ อาจารย์ต้องสร้างให้ยากเข้าไว้ เพื่อยากแก่การปลอมแปลง และเป็นบรรทัดฐานวันหน้า การทำวัตถุมงคลแบบ “ล้ำ” หากไม่ดังก็ดับ      แต่วัตถุมงคลของอาจารย์แขก ทำออกมาแล้วนำไปใช้ต้องเห็นผลจริง 


    เบี้ยคชลักษมีสร้างตามบูรพาจารย์โบราณ โดยใช้วิชาของอาจารย์แขก ซึ่งก่อนหน้าเราได้สร้างเหรียญคชลักษมีออกมา ซึ่งคนที่บูชาเหรียญคชลักษมี ปรากฏว่าชีวิตมีแต่ความราบรื่น ไม่มีอุปสรรคเกิดขึ้นเลย เป็นเหรียญชงดวง เนื่องจากพระคชลักษมี ท่านเป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์  การที่เราเอาดวงตราไปลงไว้ในเหรียญคชลักษมี (เหรียญทำเป็นรูปดวงตา เอาเคล็ดว่าท่านมองเราตลอดเวลา) คนที่บูชาเหรียญคชลักษมี จึงไม่ค่อยเจอกับปัญหาใดๆ เลย ชีวิตจะเจอแต่ความอุดมสมบูรณ์ บูรพาจารย์โบราณบอกแบบนั้น ซึ่งมันก็ได้ผลตามนั้นจริงๆ 
    ส่วนเบี้ยแก้เบี้ยกันเป็นตัวแทนของเหรียญคชลักษมี คนส่วนมากจึงเอาหอยเบี้ย (ตัวแทนผู้หญิง) นำมาใส่ปรอท พวกจิตวิญญาณเข้าไป สิ่งของที่เป็นมงคลเข้าไป เพื่อสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนของคชลักษมี แต่สำหรับเบี้ยรุ่นนี้ เราเรียกเบี้ยพระคชลักษมี คือ     ด้านหน้าเป็นเบี้ย ด้านหลังเป็นเหรียญคชลักษมี คือ เป็นเบี้ยแก้ เบี้ยกัน ใส่ปรอทตามตำรา ประกบด้วยเหรียญคชลักษมีแล้วถักหุ้มเอาไว้ สร้างขึ้นมาจำนวนแน่นอน (รันเลข) กันปลอมแปลง ทารักโบราณจากพม่า 
    การพกเหรียญคชลักษมี สามารถพกได้ทุกที ใส่กระเป๋ากางเกงก็ได้ ห้อยคอก็ได้ คือ พกได้ทุกที และมีคาถาการใช้ ซึ่งเบี้ยอื่นๆ จะไม่มีคาถาบูชา คาถาบูชาเบี้ยคชลักษมี   ท่านจะประทานในเรื่องต่าง ๆ ที่เราอยากได้ ตัวคาถายาวหน่อย แต่ท่องเพียงครั้งแรกที่เราพก 
 

    เบี้ยคชลักษมี เป็นวิชาสายราชครูพราหมณ์โบราณ ซึ่งพราหมณ์เห็นคุณวิเศษของตรานี้ พราหมณ์จึงระบุให้เอาตรานี้ไปตี ในเครื่องที่กษัตริย์บริโภค จาน ชาม ช้อน (โลหะ) เปรียบเสมือนให้ความอุดมสมบูรณ์ รวมไปถึงคันแรกนาขวัญ (ผานไถนา) โดยมีความเชื่อว่าตรานี้ไปอยู่ที่ไหน ที่นั่นจะมีความอุดมสมบูรณ์ 
 

   เหรียญสร้างจากเนื้อชินวัชรธาตุ ซึ่งเป็นวัตถุมงคลชิ้นแรกของอาจารย์แขก ที่เอาเนื้อชินวัชรธาตุมาสร้างเป็นวัตถุมงคล รองลงไปคือตะกรุดฮาซีมัส จึงเป็นวัตถุมงคลเนื้อชินวัชธาตุเต็มสูตร ในหอยเบี้ยยังใส่ผงโลหะธาตุ ตามตำราของการทำคชลักษมีโบราณ ซึ่งในหอยเบี้ยทั่วไปไม่มี และยังบรรจุปรอทดินกับปรอทอากาศ เขย่าดัง อุดด้วยชันโรงใต้ดิน ชันโรงใต้น้ำ ชันอุ้ง (คล้ายตัวชันโรงแต่มีจิตวิญญาณดูแลรักษา) กะโหลกลิง (พญาน้ำ) กะโหลกค่าง กะโหลกเสือ จมูกเม่น จมูกชะมด หางนาค ซึ่งเป็นของที่ผีกลัวตามความเชื่อของพวกมอญ
    การที่นำเรื่องความเชื่อของพวกมอญเข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องจากผีที่กล่าวถึงนี้เป็น “ผีมอญ” เบี้ยแก้เป็นวิชาพราหมณ์ ซึ่งพวกที่ใกล้ชิดพราหมณ์ที่สุดคือพวกมอญ ผีหม้อจะกลัวจมูกเม่น คนมอญจะถือหม้อ เวลาปู่ย่าตายายตายไป เขาจะเอากระดูกมาใส่ในหม้อแล้วคลุมผ้า    ทำหิ้งบูชา คนมอญเรียกผีหม้อ (น็อก) คือ ผีปู่ย่าตายาย บรรพบุรุษ หากผีพวกนี้กินคน ในบ้าน ก็จะทำให้คนในบ้านไม่ยอมตายทั้งๆ ที่อายุมากแล้ว นอนทรมาน เขาเชื่อว่า

      ผีหม้อมาสิง วิธีการจะให้ตาย คือ เอาจมูกเม่นมาวางที่หัวก็ตายแล้ว นี่คือวิธีการแก้ผีหม้อ (ไล่ผีหม้อออกไป) 
    ผีสามแพร่งของมอญ คือ ผีที่อยู่ตามทางสามแพร่ง ทางสามแพร่งจะเป็นที่คนปล่อยของ เอาตุ๊กตาเสียกบาลไปฝัง เป็นที่ๆ คนไปทำของ คนไปทำแท้ง คนปล่อยคุณไสย ผีสามแพร่งจะกลัวค่าง (ตัวใหญ่ฟันยาวกว่าลิง) อาศัยอยู่ตามยอดไม้ กินพืชเป็นอาหาร มีความเชื่อว่าผีพวกนี้จะสิงอยู่ตามยอดไม้ ถ้าเจอค่างก็จะไปเด็ดมากิน (คนมอญมีความเชื่อว่าค่างกินผีเป็นอาหาร) เขาจึงเอากะโหลกลิง กะโหลกค่างมาใส่ลงไปในเบี้ย เพื่อกันผีสามแพร่ง เอาจมูกเม่นมาใส่เพื่อกันผีหม้อ เอาหางชะมดมาใส่ลงไปในเบี้ย เนื่องจากชะมดสามารถมองเห็นผี ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของมอญที่ใส่ของพวกนี้ลงไป  เบี้ยคชลักษมีจึงล้างอาถรรพณ์พวกนี้ได้ 
    หากผู้ชายพกเบี้ยคชลักษมีจะมีความอุดมสมบูรณ์ ผู้หญิงพกก็จะเสริมตัวเอง เบี้ยคชลักษมีจึงพกได้ทั้งหญิงทั้งชาย โดยเฉพาะในบ้านหากมีเด็กแรกเกิด ควรเช่าให้เป็นสมบัติติดตัวเด็กไว้เลย (เป็นเบี้ยคู่ชีวิตของเด็ก) ซึ่งพ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ มหาภูษิต อาจารย์เชิญ เทพนภา เป็นผู้ทำพิธีปลุกเสก และยังผ่านพิธีไหว้ครูอาจารย์แขก พิธีปลุกเสกของวัดอรุณฯ และอีกหลายๆ วัด และพระเกจิอาจารย์หลายๆ รูปได้มาขอเบี้ยเอาไปพกติดตัว 
 

   บ้านหลังหนึ่งเจออาถรรพณ์หนักมาก เพราะปลูกบนที่ป่าช้าเก่า อาจารย์เอาเบี้ยไปฝัง 4 มุมบ้าน บ้านก็กลับมามีความเจริญก้าวหน้าอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งพราหมณ์โบราณหากเจอบ้านที่มีปัญหา จะเอาของ 3 อย่างฝัง คือ ศิวลึงค์ เบี้ยแก้ วัวธนู (โคศุภราช) ส่วนหอยที่นำมาทำเบี้ยแก้ต้องนับฟันให้ได้ 32 ซี่ ด้านหลังเป็นลายจุด (หากเป็นลายขีดเรียกว่าเบี้ยปัดตลอด หากเป็นลายจุดเรียกเบี้ยแก้) บางคนเอาหอยลายเสือมาทำเบี้ยแก้ ซึ่งผิดวิธี   บางคนเอาเบี้ยจั่นสีเหลืองๆ มาทำเบี้ยแก้ ซึ่งก็ผิดวิธีอีกเหมือนกัน ซึ่งนำไปใช้ก็จะไม่เห็นผล      

   
    บทสรุปของคนที่พกเบี้ยคชลักษมี คือ ความอุดมสมบูรณ์ทุกเรื่อง คนที่ชอบเสี่ยงโชค (การพนัน) หากดวงไม่แข็งก็เอาชนะได้ ผู้ชายที่ไม่มีแฟนก็จะมีผู้หญิงมาสนใจ เราขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดเขาก็จะนำมาให้ ช่วยป้องกันสิ่งที่ไม่ดี กันผีทุกชนิด เรื่องคงกระพันแคล้วคลาด เมตตา โชคลาภ