หัวใจพญาพันธุรัตน์ มนต์จินดา หัวใจนางมัทรี ความรัก
หัวใจปลาตะเพียน เรียกลาภ
การทำวัตถุมงคลของท่านอาจารย์แขก “ทุกรายการ” ไม่ใช่จะทำกันได้ง่ายๆ ไหนจะเรื่องของมวลสาร ฤกษ์พานาทีการปลุกเสก ทุกอย่างจะต้องตรงเป็นเศษเสี้ยววินาที ซึ่งจะแตกต่างจากวัตถุมงคลทั่วไป ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้วัตถุมงคลของท่านอาจารย์แขก ผู้ที่นำไปใช้จึงเห็นผลจริง ส่วนเรื่องของราคาต้องบอกเลยว่า “สวนกระแส” ซึ่งท่านอาจารย์แขกได้ให้เหตุผล เศรษฐกิจช่วงขาลงแบบนี้ ราคาควรสมเหตุสมผล คือ ไม่ควรมีราคาแพงจนเกินไป
ในเรื่องของวัตถุมงคลในรูปแบบของ “ตะกรุด” ท่านอาจารย์แขกได้รับการยกย่องให้เป็น “เทพเจ้า” แห่งตะกรุด แต่จะเป็นตะกรุดอะไรบ้างนั้น เชื่อว่าท่านผู้อ่านคงจะทราบกันดีอยู่แล้ว รวมถึงตะกรุดที่กำลังจะกล่าวถึงต่อไปนี้ คือ “ตะกรุดนางมัทรี”
สิ่งที่เป็นเสมือน “หัวใจ” ของการทำตะกรุด ท่านอาจารย์แขกได้เล่าให้ฟังว่า “ตะกรุดฮาซีมัสใช้เวลาในการเขียน 4 นาที แต่ตะกรุดหัวใจนางมัทรี ใช้เวลาในการเขียนถึง 30 นาที” สิ่งที่เป็นข้อดีของวัตถุมงคลของท่านอาจารย์แขก คือ ไม่มีวันเสื่อม (ยกเว้นวิชาของสายยาวีโบราณ ซึ่งห้ามหมากัดเพียงอย่างเดียว) ขนาดของตะกรุดเท่ากับฮาซีมัส เบอร์ 4
อำนาจพุทธคุณของตะกรุดหัวใจนางมัทรี หากเราพกติดตัวจะดีทางเรียกโชคลาภ ซึ่งเป็นเรื่องของมนต์จินดา โดยเฉพาะคนที่ชอบตกปลา ท่านอาจารย์แขกรับประกัน ไม่กลับมามือเปล่าอย่างแน่นอน (ขนาดตกปลายังได้ เรื่องทำการค้ายิ่งไม่ต้องพูดถึง) ส่วนคนที่ชอบเดินป่าก็เช่นกัน คือ หากพกตะกรุดหัวใจนางมัทรีเข้าป่า กลับออกมาจะต้องมีสิ่งที่ต้องการ ติดมือกลับออกมาอย่างแน่นอน จึงกล่าวได้ว่าเป็น “สุดยอด” ของตะกรุดอีกรายการหนึ่ง
สำหรับคนที่ชอบเรื่องการเสี่ยงโชค แต่บูชาวัตถุมงคลอื่นๆ แล้วเงียบ หากพกตะกรุดหัวใจนางมัทรี เรื่องที่เกี่ยวกับโชคลาภ อยู่ในมือท่านอย่างแน่นอน เนื่องจากยันต์ที่ลงล้อมตะกรุด เป็นยันต์ที่เรียกลาภโดยตรง โดยย้อนไปตั้งแต่อดีตชาติ คือ การทำบุญตั้งแต่เมื่อชาติที่แล้ว บุญที่เราได้ทำในชาติภพนี้ บุญทั้งหมดจะย้อนกลับมาส่งเสริม เพื่อให้ตัวของเรามีลาภ
ดังนั้นเราจะพบว่าคนที่พกตะกรุดหัวใจนางมัทรี จึงมีเรื่องของโชคลาภ (ถูกหวย) อยู่เป็นประจำ หรือบางคนที่มีอาชีพก่อสร้างที่เป็นงานใหญ่ ที่ต้องมีการประมูลงาน ก็จะชนะการประมูลงานเป็นประจำ รวมทั้งพวกเซลล์ต่าง ๆ ก็จะพบว่าหน้าที่การงานดีขึ้น ขายของได้มากขึ้น แม้ในบางครั้งของที่ไม่น่าจะได้ก็กลับได้ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นอำนาจพุทธคุณ ตะกรุดหัวใจนางมัทรีแทบทั้งสิ้น
เมื่อได้ในเรื่องของโชคลาภ ได้ในเรื่องของงานประมูลงาน และได้ในเรื่องของการขายของแล้ว สิ่งที่จะต้องไม่ลืม คือ การทำบุญ โดยเน้นที่สุด คือ การปล่อยปลา โดยไม่มีการกำหนดจำนวน และจะเป็นปลาชนิดใดก็ได้ทั้งนั้น ซึ่งท่านผู้อ่านคงจะสงสัย ทำไมจึงต้องปล่อยปลาด้วย ในเรื่องนี้ท่านอาจารย์แขกมีคำอธิบาย ยันต์ที่ล้อมตะกรุดหัวใจนางมัทรี เป็นยันต์ปลาตะเพียน จึงเท่ากับเป็นการปล่อยบริวาร ปล่อยลูกปล่อยหลานเขา ให้ชีวิตลูกหลานเขา เขาก็จะเรียกลาภให้เราตลอดเวลา
ดังนั้นจึงเท่ากับว่าในตะกรุดหัวใจนางมัทรี ได้รวบรวมมนต์ที่เกี่ยวกับโชคลาภ ให้เข้ามาไว้ภายในตะกรุดทั้งหมด ซึ่งการเขียนยันต์ก็ไม่ได้เขียนแยก เช่น หัวใจหัวใจปลาตะเพียน หัวใจนางมัทรี หัวใจนางอมิตดา หัวใจนางพญาพันธุรัตน์ หัวใจงูเหลือมเผือก
– หัวใจปลาตะเพียน คือ การเรียกลาภ (หนักไปทางสิ่งที่มองไม่เห็น การพนัน โชคลาภ หวย)
– หัวใจนางมัทรี คือ ความรัก (เน้นเฉพาะเพศตรงข้าม ซึ่งมีความรุนแรงมาก)
– หัวใจนางพญาพันธุรัตน์ คือ เรียกลาภ มนต์จินดา (ให้มนุษย์เมตตา เทวดาเมตตา อมนุษย์เมตตา)
– หัวใจนางอมิตดา คือ เกี่ยวกับเรื่องความสบาย มีคนเอาเงินทองมาให้ ใช้สำหรับบังคับ สามารถบังคับอะไรได้ทั้งหมด และมีคนมาเป็นข้ารับใช้ ให้เป็นใหญ่เป็นโต (ต่อให้ใหญ่โตสักเพียงใด ก็ยังต้องมาเป็นข้ารับใช้เรา)
– หัวใจงูเหลือมเผือก คือ การผูกมัด
เมื่อท่านอาจารย์แขกสำเร็จวิชามนต์จินดา จึงทดลองทำตะกรุดขึ้นเป็นครั้งแรก ในเวลานั้นทำด้วยแผ่นเงิน กว้างยาวเท่ากัน เป็นตะกรุดเนื้อตะกั่ว เนื่องจากสมัยนั้นยังไม่มีชินวัชระธาตุ ส่วนข้อดีของการใช้ชินวัชระธาตุ คือ สามารถรวบรวมวิญญาณได้ง่าย ทำให้การเสกมีความรวดเร็ว อำนาจพุทธคุณแรงกว่าด้วย
ในเรื่องการออกวัตถุมงคลของท่านอาจารย์แขก ที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครบอกว่าไม่เห็นผล ตรงข้ามกลับมีแต่คนบอกว่าของอาจารย์แขก “สุดยอด” เนื่องจากการสร้างวัตถุมงคลทุกรายการ มุ่งเน้นในเรื่องของคุณภาพมากกว่าปริมาณ “ทำทั้งทีต้องให้ดีกว่าคนอื่น”
ท่านอาจารย์แขกได้เล่าเรื่องราว “เกร็ดความรู้” ที่น่าสนใจ เกี่ยวกับเรื่องของตะกรุดหัวใจนางมัทรี คือ วิชาตำรานี้เป็นของวัดประดู่ทรงธรรม หลวงปู่รอด วัดบางน้ำวน ท่านได้นำมาสร้าง ลูกศิษย์ของท่านที่นำมาสร้างแล้วเห็นผล และหลวงปู่รอด วัดวังน้ำวน “ดัง” ในเรื่องของชูชก
ท่านอาจารย์แขกกล่าวว่า “หัวใจของนางอมิตดา คือ สามารถบังคับอะไรได้หมดทุกอย่าง ส่วนหลวงปู่รอดสร้างชูชกขึ้นมา แต่มนต์ที่ชูชกที่นำมาเสก คือ หัวใจของนางอมิตดา คือ ชูชกพูดกับนางอมิตดา และ คาถาชูชกขอ 2 กุมาร มันจะผูกมากับคาถาชูชกพูดกับสตรี คือ ชูชกฟังนางอมิตดา เป็นคำสั่งของนาง อมิตดาให้ไปขอ 2 กุมาร ชูชกไม่ใช่เป็นคนไปขอ แต่นางอมิตดาเป็นคนสั่งชูชก คนที่ไม่เรียนวิชาไสยศาสตร์ จะไม่มีทางรู้เลยว่าวิชาชูชกขอ 2 กุมาร คิดว่าเป็น “มนต์” ที่ชูชกขอเอง มันไม่ใช่เลย ชูชกไม่ใช่ต้นกำเนิดแห่งการไปขอ 2 กุมาร คนที่ไปขอ 2 กุมาร คือ นางอมิตดา
คนที่เรียนวิชา “หัวใจชูชก” สูงสุด ถึงจะเข้าใจมนต์บทนี้ เขาเรียกหัวใจมนต์นางอมิตดา คนที่ไม่เรียนวิชาไสยศาสตร์จะคิดว่าชูชกเก่ง แต่จริงๆ แล้วคนที่เก่งกว่า คือ หัวใจของนางอมิตดา คาถาของนางอมิตดาที่สั่งชูชก “โอม โช โช” คือ “โอม ชูชก” “โกชาลี” คือ “ไปขอกุมารมา” “กุมารีนัง” คือ “เอากุมารหญิงด้วย” และมีคาถาเป็นมนต์มัดข้างหลังอีก แต่จะไม่บอกว่าอะไร จริงๆ แล้วต้นคาถาเกิดมาจากนางอมิตดาสั่ง แต่ความขลังของการทำชูชก หากไม่รู้หัวใจของนางอมิตดา ทำให้ตายยังก็ไม่ขลัง!
บูรพาจารย์บอกว่าขนาดลูกในอุทธรณ์ยังให้ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง จริงๆ แล้วมนต์ชูชกมีด้วยกัน 18 มนต์ 18 เรื่อง คือ ชูชกขอทรัพย์เงินทอง เป็นคาถาที่นางอมิตดาสั่งให้ไปขอเหมือนกัน จริงๆ แล้วชูชกไม่เคยทำอะไรเอง แต่นางอมิตดาเป็นคนสั่งทั้งสิ้น
การที่ตะกรุดหัวใจนางมัทรี ลงมนต์นางอมิตดา เปรียบเสมือนนางอมิตดาสั่งใครก็ได้ สั่งสามีได้ สมัยนั้นผู้หญิงสั่งสามีไม่ได้ มนต์นางอมิตดาจึงเป็นมนต์ที่สั่งได้ทุกเรื่อง และมีอยู่ในตะกรุดหัวใจนางมัทรี ดังนั้นแฟนๆ มันตระสยาม คงจะต้องรีบๆ บูชากันแล้วนะครับ (มีจำนวนไม่มาก)